สุขภาพที่ดี ใครๆ ก็อยากได้ แต่การปรับวิถีชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งสุขภาพที่ดี มักจะมีข้ออ้างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาอาหารเพื่อมารับประทานประจำวัน การเล่นโซเชียลเป็นประจำ มักไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้มักเป็นข้ออ้าง ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพทรุดโทรมทั้งนั้น จึงอยากชวยทุกท่านปรับเปลี่ยน เพื่อความสุขยั่งยืน รับรองว่าหากได้ทำตามนี้ การจะได้ สุขภาพที่ดี ขึ้นแน่นอน
1. เลือกอาหารที่เรารับประทาน
เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารที่หาง่ายที่สุดมักเป็นตัวเลือก สำหรับสังคมที่เร่งรีบ แต่อาหารกลับเป็นสาเหตุสำคัญ ของการมีสุขภาพที่ดี เพราะร่างกายจะนำสารอาหารที่เหมาะสมนี้ไปเสริมสร้าง พัฒนา ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอของร่างกาย แม้ว่าจะอยู่ในสังคมที่เร่งรีบ แต่ก็อยากจะให้ลดอาหารแคลลอรีสูง เช่น ปิ้ง ย่าง เพราะเมื่อร่างกายไม่สามารถเผาผลาญไขมันที่ได้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไขมันที่ได้รับก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย ในการรับประทานอาหารแต่ละครั้งจึงควรเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือภายใน 1 วันควรจะปรับให้ร่างกายเกิดสมดุล และงดเว้น อาหารที่สร้างผลร้ายต่อสุขภาพจะดีกว่าค่ะ
2. การบริหารสมอง ป้องกันอัลไซเมอร์
ถึงแม้โรคกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs จะเป็นกลุ่มโรคที่สร้างความเสียหาย และความสูญเสียเป็นอย่างมากต่อชีวิต และทรัพย์สิน แต่อีกโรคที่น่ากลัว และควรกังวลไม่แพ้กันคือ โรคสมองเสื่อม การบริหารสมอง เป็นอีกวิธีที่จะสร้างสุขภาพที่ดีให้เราได้ ในเวลาว่างจึงควรเพิ่มกิจกรรมเพื่อบริหารสมอง เช่น การเล่นเกมจำผิดภาพ เกมชูโดกุ เกมอักษรไขว้ และควรเพิ่มผลไม้ กลุ่มที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เช่น องุ่น ส้ม ผลไม้กลุ่มเบอรี่ ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันอาการหลงๆ ลืมๆ โดยเฉพาะควรเพิ่มอัตราการหัวเราะ เพราะการหัวเราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิงขึ้น เพราะเมื่อร่างกายเกิดการผ่อนคลาย จะหลั่งสารเคมีในระบบประสาท ส่งผลดีทั้งร่างกายและจิตใจ
3. ลดเวลาการเล่นโซเชียล
สังคมก้มหน้า เป็นชื่อเรียกที่ใช้นิยามการปฎิสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างในยุคสมัยนี้ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่ากำลังจะทำกิจกรรมใดใด ก็ต้องมีมือถือเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มจากตื่นนอน ไปจนถึงเข้านอน เช็คอีเมล แชท ถ่ายรูปอาหาร แชร์โลเคชั่น คุยกับที่ทำงาน อัพเดตสเตตัส แชร์ข้อความ ซึ่งถ้าใช้เฉพาะเรื่อง และเวลาที่เหมาะสมก็สร้างความสะดวกสบายให้กับคนในปัจจุบันได้อย่างมาก แต่หากใช้งานมากเกินไป สามารถส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้อดวงตาเมื่อยล้า หรือตาแห้งได้ง่ายๆ เพราะต้องจ้องอยุ่ที่หน้าจอเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดสายตาพร่ามัว อาการเบลอ สายสั้นตาได้ เมื่อใช้สายตาเป็นเวลานานๆ จึงควรพักสายตา และบริหารดวงตา เช่น กระพริบตา กลอกตา เพื่อป้องกันอาการตาแห้ง หรือมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลๆ ก็จะช่วยลดอาการเมื่อยดวงตาขึ้นได้ และเมื่อสามารถลดอาการติดโซเชียลได้ ก็สามารถทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น เพราะไม่เสพติดข่าว
4. การออกกำลังกาย
นอกจากด้านรูปร่าง และสมรรถนะที่จะได้จากการออกกำลังกาย อวัยวะก็ยังจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีภูมิต้านทานโรคภัยต่างๆ สุขภาพจิตก็ดีตามไปด้วย ในการออกกำลังกายต่อครั้งควรออกกำลังกาย ไม่น้อยกว่า 30 นาที เช่น หลังเลิกงาน อาจจะชวนคนในครอบครัวไปร่วมเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะใกล้บ้าน หรือวิ่ง แอโรบิค ก็ล้วนเป็นผลดีต่อร่างกายทั้งนั้น แต่หากการจราจรและการเดินทาง ทำให้เวลาในการทำกิจกรรมเหล่านี้ หายไป ก็อาจจะปรับเป็นการ ทำสวน ทำความสะอาดบ้าน ล้างรถ ซักผ้า ก็ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัวได้อีก ทำให้บ้านสะอาด เพิ่มกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้อีกด้วย
5. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอ ดูจะเป็นปัญหาหลักของกลุ่มคนวัยทำงาน เพราะด้วยความเครียดที่สะสมต่อวัน การที่ต้องทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน ก็เป็นสภาวะที่ก่อให้เกิดปัญหามากต่อระบบการนอนได้ เพราะการพักผ่อนที่ดีที่สุดของร่างกายก็คือ การนอนหลับ เพราะร่างกายจะสามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง และควรเริ่มฝึกนอนให้เป็นเวลา เพราะหากนอนดึกเกินไป ร่างกายอาจจะเหนื่อยล้า ส่งผลที่จะตามมา เช่น ริ้วรอย เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ดังนั้น ควรลดการเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน เพื่อให้สมองได้พักผ่อน เพื่อให้สารเซโรเทนิน และสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มช่วงการหลับลึกให้ม