โรคไมเกรน (Migraine) ปวดหัวไมเกรนมีอาการและการรักษาอย่างไร

โรคไมเกรน (Migraine) ปวดหัวไมเกรนมีอาการและการรักษาอย่างไร

อาการปวดหัวเป็นภาวะที่เกิดได้กับทุกคนและเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อย คือ โรคไมเกรน (Migraine) ซึ่งเป็นอาการปวดศีรษะที่พบมากที่สุดรองจากอาการปวดศีรษะจากภาวะกล้ามเนื้อเกร็ง และพบในผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 2-3 เท่า ผู้ป่วยโรคไมเกรนส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการครั้งแรกในช่วงวัยรุ่นถึงวัยทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเครียดและต้องเผชิญกับความกดดันสูงมากกว่าปกติ

ปวดหัวไมเกรน

โรคไมเกรน (Migraine) คืออะไร

โรคไมเกรน คือ ภาวะปวดศีรษะเรื้อรังชนิดหนึ่งที่รบกวนชีวิตประจำวันของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก เกิดได้จากหลายปัจจัยและเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันโดยตรง โดยมีลักษณะอาการเด่น คือ การปวดศีรษะตุ๊บ ๆ บริเวณขมับข้างเดียว หรืออาจปวดทั้งสองข้าง โดยจะค่อย ๆ ปวดรุนแรงมากขึ้นแล้วจึงบรรเทาลง โรคไมเกรนเป็นโรคที่ไม่หายขาด มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เรื่อย ๆ เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าหรือสภาพแวดล้อม

 

ประเภทของโรคไมเกรน

  • ไมเกรนชนิดออร่า (Migraine with Aura)

ไมเกรนชนิดมีออร่าเป็นกลุ่มอาการไมเกรนที่พบได้ราว 30% ของกลุ่มผู้ป่วยไมเกรน โดยผู้ป่วยจะมีอาการเตือนล่วงหน้าก่อนเริ่มปวดไมเกรน เช่น เห็นแสงเป็นเส้นซิกแซกคล้ายฟันเลื่อย มองเห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพมืดหรือบิดเบี้ยว ไปจนถึงมีอาการชาที่มือ แขน หรือชารอบปาก ไม่สามารถพูดได้ชั่วคราว เป็นต้น

  • ไมเกรนชนิดไม่มีออร่า (Migraine without Aura)

ไมเกรนชนิดไม่มีออร่าเป็นกลุ่มอาการที่พบมากที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยปวดศีรษะไมเกรน โดยคิดเป็น 70% ของผู้ป่วยทั้งหมด กลุ่มผู้ป่วยกลุ่มนี้จะพบเพียงอาการอาการปวดศีรษะในระดับปานกลางไปจนถึงรุนแรง ในบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย

 

ลักษณะอาการของโรคไมเกรน (Migraine)

ลักษณะทั่วไปของโรคไมเกรนมีดังนี้

  • ปวดศีรษะแบบตุ๊บ ๆ บริเวณขมับ ในบางครั้งอาจปวดร้าวบริเวณกระบอกตาหรือท้ายทอยร่วมด้วย
  • ส่วนใหญ่มักเป็นอาการปวดข้างเดียว ยกเว้นในบางรายที่อาจปวดศีรษะได้ทั้งสองข้าง หรือปวดข้างใดข้างหนึ่งก่อนจะสลับมาปวดอีกข้างหนึ่งได้
  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
  • ผู้ป่วยบางรายมีอาการออร่าก่อนเริ่มปวดไมเกรนประมาณ 10-30 นาที เช่น เห็นแสงไฟสีขาว มีขอบหยึกหยัก เห็นแสงวูบวาบ ไฟระยิบระยับ เห็นภาพเบลอ เป็นต้น

 

รู้ได้อย่างไรว่าปวดหัวไมเกรน?

สมาคมปวดศีรษะนานาชาติ (The International Headache Society: IHS) มีเกณฑ์ในการวินิจฉัยอาการปวดศีรษะไมเกรนว่าผู้ป่วยต้องมีอาการปวดเกิน 5 ครั้งครบตามองค์ประกอบทั้ง 3 ข้อนี้ ได้แก่

  • ลักษณะอาการปวด

มีอาการอย่างน้อย 2 ใน 4 ข้อ ได้แก่ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวตุ๊บ ๆ ปวดค่อนข้างมาก หรือปวดจนทำงานไม่ไหว

  • ระยะเวลาของอาการปวด

มีอาการปวดหัวต่อเนื่องนาน 4-72 ชั่วโมง

  • อาการร่วมอื่น ๆ

มีอาการปวดหัวร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการกลัวแสง หรืออาการกลัวเสียง

ปวดหัวรุนแรง

สาเหตุของโรคไมเกรน

สาเหตุของโรคไมเกรนเกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น เกิดการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองผิดปกติ จนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน แพ้แสงจากก้านสมองที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการเกิดโรคไมเกรน

ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าโรคปวดศีรษะไมเกรนเกิดจากอะไร แต่พบว่าปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรนมีหลายประการ เช่น

  • แสงแดดจัด แสงไฟสว่าง แสงไฟกระพริบ
  • อากาศที่ร้อนเกินไป หรืออากาศที่ร้อนชื้น
  • ออฟฟิศซินโดรม รวมถึงอาการกล้ามเนื้อบริเวณคอตึง ก็สามารถกระตุ้นทำให้เกิดไมเกรน ปวดร้าวรอบกระบอกตา คลื่นไส้ เวียนศีรษะได้
  • การเผชิญกับความเครียด นอนมากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ และการอดนอน
  • สิ่งแวดล้อม เช่น การได้กลิ่นบางอย่าง เช่น กลิ่นน้ำหอม ควันบุหรี่ การอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง อึกทึก หรือจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมักพบในตอนเป็นประจำเดือน (Menstrual Migraine) ในช่วงตั้งครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก และช่วงเวลาภายหลังจากคลอดบุตร

 

ปวดหัวไมเกรนช่วงที่เป็นประจำเดือน

สำหรับผู้ป่วยเพศหญิง ฮอร์โมนเอสโตรเจนถือเป็นสาเหตุสำคัญที่สามารถกระตุ้นอาการปวดศีรษะไมเกรนได้มาก โดยโรคปวดศีรษะไมเกรนมักสัมพันธ์กับรอบเดือน โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน 1-2 วันจนถึง 3 วันหลังมีประจำเดือนมาวันแรก ซึ่งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดต่ำลงอย่างรวดเร็วในช่วงดังกล่าว ทำให้ปวดศีรษะไมเกรนได้

 

แนวทางการใช้ยารักษาโรคไมเกรน

การใช้ยาเมื่อมีอาการปวดศีรษะไมเกรนทันทีสามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีแนวทางดังนี้

  • กลุ่มยาบรรเทาปวดกรณีปวดศีรษะแบบไม่รุนแรง

หากปวดเล็กน้อย สามารถใช้ยาบรรเทาอาการปวด ได้แก่ พาราเซตามอล เนื่องจากสามารถบรรเทาปวดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้หลากหลาย

  • กลุ่มยาบรรเทาปวดกรณีปวดศีรษะแบบรุนแรง

หากอาการปวดมีความรุนแรง สามารถใช้ยาลดการอักเสบที่ไม่ไช่สเตียรอด์ (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน นาพรอกเซน ซึ่งเป็นตัวยาออกฤทธิ์เร็ว แต่ควรทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที เพราะอาจระคายเคืองกระเพาะอาหารได้

  • กลุ่มยาบรรเทาปวดสำหรับอาการปวดหัวไมเกรนโดยเฉพาะ

ยาในกลุ่มทริปแทน (Triptan) และกลุ่มเออร์กอต อัลคาลอยด์ (Ergot Alkaloids) กลุ่มที่เป็นยาแก้ปวดหัวเฉพาะสำหรับโรคไมเกรน แต่ควรใช้ภายใต้คำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดเนื่องจากมีผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ และไม่ควรใช้ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน

 

วิธีป้องกันการเกิดโรคไมเกรนที่คุณก็สามารถทำได้

อาการปวดศีรษะไมเกรนสามารถบรรเทาและป้องกันได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยา เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนดังนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้ได้ 6-8 ชั่วโมงในแต่ละวัน แต่ไม่ควรนอนมากเกินไป และพยายามเข้านอน และตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน
  • ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน โดยไม่หักโหม เนื่องจากการออกกำลังกายที่หนักหรือต่อเนื่องเกินไป อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ปวดหัวไมเกรนได้
  • หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น เช่น การอยู่ในที่อากาศร้อน มีแสงแดดจัดมากเกินไป การสูดดมน้ำหอม ควันบุหรี่ ล้วนกระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้
  • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่กระตุ้นไมเกรน เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ ชา เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ผงชูรส เนย นม ช็อกโกแลต กล้วยหอม อาหารแปรรูปจำพวกไส้กรอก

 

สรุป

แม้ว่าโรคไมเกรนจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับร่างกาย แต่ก็สร้างความรำคาญและรบกวนคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้มาก แนวทางการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนที่ดีที่สุด คือ การปรับพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่กระตุ้นการเกิดไมเกรน หากมีอาการสามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการภายใต้คำแนะนำจากแพทย์ แต่หากยังมีอาการปวดรุนแรง ควรเข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและรับรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด

 

 

Ref:

https://www.praram9.com/migraine/

https://www.phyathai.com/th/article/3352-ปวดหัวแบบไหน_ชัวร์ว่าใ

Scroll to Top